การวิเคราะหเบื้องตนทางพิษวิทยา
กรมวิทยาศาสตรการแพทย
กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2545
ISBN 974-7549-21-2
Basic Analytical Toxicology
โดย © World Health Organization (WHO) 1995 20 Avenue Appia, CH-1211 Geneva 27, Switzerland
ผลงานแปลภาษาไทย
© กรมวิทยาศาสตรการแพทย กระทรวงสาธารณสุข (2002) ผลงานแปลครั้งที่ 1 จัดพิมพขึ้นตามความตกลงกับ
World Health Organization (WHO) กรมวิทยาศาสตรการแพทย
เปนผูรับผิดชอบการแปลครั้งนี้แตผูเดียว
สารบัญ
คํานํา บทนํา
1. เครื่องมือและสารเคมี 1
1.1 เครื่องมือ 1
1.2 สารอางอิงและสารเคมี 3
2. พิษวิทยาวิเคราะหทางคลินิก 4
2.1 การวินิจฉัยการเกิดพิษเฉียบพลัน 4
2.2 การรักษาอาการพิษเฉียบพลัน 7
2.3 บทบาทของหองปฏิบัติการพิษวิทยาคลินิก 11
3. ผลการตรวจวิเคราะหทางพิษวิทยาคลินิก 14
3.1 การทดสอบทางชีวเคมี 14
3.2 การตรวจทางโลหิตวิทยา 19
4. หลักปฏิบัติในดานพิษวิทยาวิเคราะห 21
4.1 การจัดการหองปฏิบัติการและวิธีปฏิบัติ 21
4.2 การทดสอบการเกิดสี 25
4.3 การเตรียมตัวอยาง 26
4.4 ทินเลเยอรโคมาโตกราฟ 28
4.5 อัลตราไวโอเลตและวิสิเบิล สเปกโตรโฟโตมิตรี 31
5. การทดสอบเชิงคุณภาพของสารพิษ 35
5.1 การเก็บรวบรวม การเก็บรักษาและการใชตัวอยาง 35
5.2 การวิเคราะหปสสาวะ สิ่งบรรจุในกระเพาะอาหารและวัตถุอื่นที่พบในที่เกิดเหตุ 39
6. เรื่อง – วิธีวิเคราะหและขอมูลทางพิษวิทยา 69
6.1 แอมเฟตามีน 69 6.3 อะมิทริพไทลีน 71
6.5 แอนติโมนี 74
6.7 อะทีโนลอล 80 6.9 กลุมบารบิทูเรต 82 6.11 เบนโซไดอะซิพีน 89 6.13 กลุมบอเรต 94 6.15 กลุมโบรไมด 99
6.2 อะมิโนเฟนาโซน 70
6.4 อะนิลีน 72
6.6 อารซินิก 76
6.8 อะโทรพีน 81
6.10 แบเรียม 86
6.12 บิสมัท 92
6.14 กลุมโบรเมต 97 6.16 แคดเมียม 102
6.17 คาเฟอีน 103 6.19 สารกําจัดศัตรูพืชและ
สัตวกลุมคารบาเมต 104 6.21 คารบอนไดซัลไฟด 107 6.23 คารบอนเตตราคลอไรด 113 6.25 คลอราโลส 115 6.27 คลอโรฟอรม 119 6.29 คลอโรควิน 122
6.31 คลอเมไทอะโซล 124
6.33 โคเดอีน 126 6.35 สารกันเลือดเปนลิ่มคูมาริน 129 6.37 แดพโซน 136 6.39 ไดคลอราลฟนาโซน 139 6.41 ดิจอกซินและดิจิทอกซิน 140 6.43 ไดเฟนไฮดรามีน 144 6.45 อีฟดรีน 146 6.47 เอทคลอวีนอล 150 6.49 ฟลูออไรด 152 6.51 ฟอรมาลดิไฮด 157 6.53 กลูเททิไมด 160 6.55 ฮาโลเพอริดอล 162
6.57 ไฮโปคลอไรต 164
6.59 ไอโอเดต 168
6.61 ไอรอน 172
6.63 แลคซาทีพ 176
6.65 ลิโดเคน 181
6.67 เมโพรบาเมต 183
6.69 เมทาโดน 188
6.18 แคมเฟอร 103 6.20 คารบามาซีพีน 106 6.22 คารบอนมอนอกไซด 109 6.24 คลอราลไฮเดรต 114 6.26 คลอเรต 117 6.28 สารกําจัดวัชพืชคลอโร ฟนอกซี 120
6.30 โคลินเอสเตอเรสแอคติวิตี 123 6.32 โคเคน 125 6.34 คอปเปอร 126 6.36 ไซยาไนด 131 6.38 เดกซโตรโพรพอกซีพีน 138 6.40 ไดคลอโรมีเทน 140 6.42 สารกําจัดศัตรูพืชและ สัตวไดไนโตรฟนอล 142 6.44 ไดควอท 144 6.46 เอทานอล 146 6.48 เอทิลลีนไกลคอล 151 6.50 ฟลูออโรอะซิเตต 155 6.52 กรดฟอรมิก 158 6.54 กลีเซอริลไตรไนเตรต 160
6.56 สารกําจัดวัชพืชไฮดรอกซิล เบนโซไนทริล 163
6.58 อิมิพรามีน 167
6.60 ไอโอดีนและไอโอไดด 170
6.62 ไอโซเนียซิด 175
6.64 เลด 179
6.66 ลิเทียม 182
6.68 เมอรคิวรี 186
6.70 เมทานอล 189
6.73 มอรฟน 194
6.75 ไนเตรต 199
6.77 ไนโตรเบนซีน 204
6.79 สารกําจัดศัตรูพืชและ สัตวออรกาโนคลอรีน 205
6.81 ออรฟนาดรีน 211
6.83 พาราเซตามอล 214
6.85 เพนตะคลอโรฟนอล 219
6.87 พีทิดีน 223
6.89 ฟนาซีติน 224
6.91 ฟโนไทอะซีน 226
6.93 ฟอสฟอรัสและฟอสไฟด 229
6.95 โพรเพน-2-ออล 232
6.97 โพรไพลีนไกลคอล 234
6.99 กรดซาลิไซลิกและอนุพันธ 236 6.101 ซัลไฟด 243
6.103 เตตราคลอโรเอทิลลีน 246
6.105 ทีโอฟลลีน 248
6.107 ดีบุก 252
6.109 โทลูอีน 254
6.111 ไตรคลอโรเอทิลีน 257
6.113 ซิงค 259
6.74 นิโคติน 198
6.76 ไนไตรต 200
6.78 นอรทริพไทลีน 205
6.80 สารกําจัดศัตรูพืชและ สัตวออรกาโนฟอสฟอรัส 208
6.82 ออกซาเลต 212
6.84 พาราควอท 218
6.86 เปอรออกไซด 221
6.88 ปโตรเลียมกลั่น 223
6.90 กลุมฟนอล 225
6.92 ฟนิโทอิน 228
6.94 โพรเคนาไมด 231
6.96 โพรพาโนลอล 233
6.98 ควินินและควินิดีน 235
6.100 สตริกนิน 241
6.102 ซัลไฟต 244
6.104 แทลเลียม 246
6.106 ไทโอไซยาเนต 250
6.108 ทอลบูทาไมด 252
6.110 1,1,1-ไตรคลอโรอีเทน 256
6.112 เวอราพามิล 258
บรรณานุกรม 260
คําแปลศัพท 264
ภาคผนวก 1 รายการสารประกอบอางอิงและสารเคมี 279
ภาคผนวก 2 คาคงที่สําหรับแปลงหนวยของความเขมขนเชิงมวล และความเขมขนเชิงโมลาร 290
คํานํา
ปจจุบันโรคที่เกิดจากสารพิษเปนปญหาสาธารณสุขที่สําคัญและนับวันจะทวีความรุนแรง มากขึ้น การตรวจวิเคราะหทางพิษวิทยาเนนการใหบริการเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยและรักษาผูปวย ที่ไดรับสารพิษ ซึ่งดําเนินการโดยหองปฏิบัติการทางพิษวิทยาของกรมวิทยาศาสตรการแพทยหรือ โดยหองปฏิบัติการในโรงพยาบาล ภาควิชาเภสัชวิทยา ภาควิชานิติเวชศาสตรในมหาวิทยาลัย หนังสือเลมนี้กลาวถึงวิธีการตรวจวิเคราะหเบื้องตนทางพิษวิทยาที่กรมวิทยาศาสตรการแพทยจัดทํา ขึ้นโดยแปลจากหนังสือ Basic Analytical Toxicology ของ World Health Organization (WHO) โดยไดรับลิขสิทธิ์จาก WHO การแปลใชศัพทแพทยศาสตรอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถานป
พ.ศ. 2543 เปนหนังสืออางอิงในการแปลศัพททางการแพทย เนื้อหาในเลมประกอบดวยวิธีทดสอบ เชิงคุณภาพอยางงาย และเชิงปริมาณของสารพิษโดยไมตองใชเครื่องมือที่ยุงยาก ราคาแพง สามารถทําไดในหองปฏิบัติการพื้นฐานและชี้ใหเห็นถึงความสําคัญของหลักประกันคุณภาพสําหรับ การตรวจวิเคราะหตัวอยางทุกครั้ง นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของอาการการเกิดพิษจากการ ไดรับสารพิษ
กรมวิทยาศาสตรการแพทยเปนหนวยงานที่มีหนาที่สวนหนึ่งคือใหบริการการตรวจวิเคราะห
ทางพิษวิทยา ทางกรมฯ หวังเปนอยางยิ่งวา หนังสือเลมนี้จะใชเปนแนวทางในการวิเคราะห
สารพิษ เปนคูมือสําหรับการฝกอบรมเจาหนาที่ในหองปฏิบัติการของโรงพยาบาลใหสามารถ ปฏิบัติงานทางพิษวิทยาวิเคราะหเบื้องตนเพื่อบริการแพทยผูรักษาผูปวยที่ไดรับสารพิษ และสําหรับ นิสิตนักศึกษาหรือบุคลากรทางวิทยาศาสตรสุขภาพที่สนใจ
การจัดทําหนังสือเลมนี้ไดรับอนุมัติงบประมาณจัดทําจากผูอํานวยการสถาบันวิจัย วิทยาศาสตรสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตรการแพทย จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
(นายแพทยณรงคศักดิ์ อังคะสุวพลา) อธิบดีกรมวิทยาศาสตรการแพทย
เมษายน 2545
บทนํา
หนังสือเลมนี้ประกอบดวยบทที่ 1 กลาวถึงเรื่องเครื่องมือ สารอางอิงและสารเคมีที่จําเปน สําหรับหองปฏิบัติการพิษวิทยาวิเคราะห บทที่ 2 เรื่องพิษวิทยาคลินิกทั่วไป บทที่ 3 เรื่องเคมีคลินิก และโลหิตวิทยาที่เกี่ยวของกับพิษวิทยาคลินิก บทที่ 4 เรื่องการปฏิบัติการพิษวิทยาเชิงวิเคราะห บท ที่ 5 เรื่องการเก็บตัวอยางและเก็บรักษาและการตรวจสารพิษเบื้องตนเชิงคุณภาพ และบทที่ 6 เปนชุดของการวิเคราะหสารแตละเรื่อง (monograph) ที่อธิบายการทดสอบเชิงคุณภาพและเชิง ปริมาณบางชนิดสําหรับกลุมสารพิษและสารพิษ 113 ชนิด แตละเรื่องมีรายละเอียดวิธีการ ประเมินผลทางคลินิกดวย
สวนที่เปนภาคปฏิบัติของหนังสือเลมนี้ ไดใหรายละเอียดของวิธีทดสอบของสารแตละชนิดที่
สามารถปฏิบัติไดเลยในหองปฏิบัติการในเรื่อง (บทที่ 6) ซึ่งรายละเอียดบางสวนอาจมีปรากฏในที่
อื่นของหนังสือเลมนี้ได
วิธีการทดสอบในบทที่ 5 และ 6 เลือกเฉพาะวิธีการที่ใหผลการทดสอบที่เชื่อถือได ภายใต
ขอจํากัดดังกลาวขางตนและยังสามารถนําไปใชกับเครื่องมือที่ไมยุงยากนักกับตัวอยางที่เปนผง เม็ด ยาหรือวัตถุอื่นที่พบใกลกับผูปวยและตัวอยางชีววัตถุไดดวย วิธีงายๆ ที่ใชทดสอบตัวอยางเภสัช ภัณฑอาจหาไดจากสิ่งพิมพอื่นขององคการอนามัยโลกa อยางไรก็ตามสิ่งพิมพเหลานี้จัดทําขึ้นเพื่อ ทดสอบเอกลักษณ ความเสถียรของสารคอนขางบริสุทธิ์บางชนิดและขอควรพิจารณาบางประการ เชน วิธีการทําใหบริสุทธิ์ ความไวและแหลงที่มาของสิ่งรบกวนการตรวจวิเคราะห
การทดสอบในหนังสือเลมนี้ ไมกลาวถึงเอกสารอางอิงปฐมภูมิ เพื่องายตอการเขียนและการ ทดสอบบางวิธีมีการดัดแปลงตอเนื่องมาเปนเวลานาน จนกระทั่งถาใหเอกสารอางอิงของเดิมอาจทํา ใหสับสนได อยางไรก็ตามแหลงที่มาของขอมูลในหนังสือเลมนี้อยูในบรรณานุกรม (หนา 260) นอกจากนี้ มีการประเมินความไว(คาต่ําสุดที่ตรวจวัดได)เชิงคุณภาพไวดวยในแตละเรื่อง (บทที่ 6) การบอกสีขึ้นอยูกับบุคคลพอควร ยิ่งกวานั้น ความไวของการทดสอบบางวิธี เชนการสกัดดวยตัวทํา ละลายอาจเปลี่ยนแปลงไดเมื่อใชปริมาณตัวอยางแตกตางกัน ประเด็นเหลานี้ชี้ใหเห็นถึง ความสําคัญของการมี negative (control) และ positive (reference) samples ในการตรวจ วิเคราะหตัวอยางทุกครั้ง (ดูหัวขอที่ 4.1.5)
คําอธิบายศัพทที่ใชในหนังสือเลมนี้ มีอยูในคําแปลศัพท (หนา 264) และรายชื่อของสารอางอิง และสารเคมีอยูในภาคผนวก 1
a Basic tests for pharmaceutical substances. Geneva, WHO, 1986 ; Basic tests for pharmaceutical dosage forms. Geneva, WHO, 1991.
หนวยความเขมขนที่ใชในหนังสือนี้คือหนวยเอสไอ (International System; SI) เปนหนวย มวล (มิลลิกรัม/ลิตร ไมโครกรัม/ลิตร เปนตน) การใชหนวยเปนเอสไอ (โมลาร มิลลิโมล/ลิตร ไมโครโมล/ลิตร เปนตน) อาจทําใหเกิดความสับสนไดโดยไมจําเปน และอาจไมมีประโยชนที่ชัดเจน สําหรับพิษวิทยาวิเคราะห สวนคา SI mass/molar unit conversion factor สําหรับสารพิษทั่วไป อยูในภาคผนวก 2 สิ่งที่ควรระลึกเสมอคือ เมื่อวิธีทดสอบนั้นไมไดปฏิบัติบอยๆ ควรเตรียมสารเคมี
ในปริมาณนอยกวา 1 ลิตร เชน 100 มิลลิลิตร
เพื่อความสะดวก สารเคมีในหนังสือเลมนี้ใชชื่อสามัญ เมื่อจําเปนในบางกรณีใชชื่อ IUPAC ที่ใหไวคูกันในดัชนี สําหรับยาใชชื่อที่ไมใชชื่อทางการคา ชื่อสามัญระบุไวในดัชนี
บทที่ 1
เครื่องมือและสารเคมี
1.1 เครื่องมือ
งานบริการพิษวิทยาวิเคราะหสามารถทําไดในหองปฏิบัติการชีวเคมีคลินิกของโรงพยาบาลหรือ หนวยฉุกเฉินหรือหนวยอุบัติเหตุ (ตามเอกสารขององคการอนามัยโลก: Laboratory services at the primary health care level) a นอกจากเครื่องมือพื้นฐานของหองปฏิบัติการทั่วไปแลว ยังตองการ เครื่องมือเฉพาะเชนเครื่องสําหรับทําทินเลเยอรโครมาโตรกราฟ (thin-layer chromatography, TLC) อัลตราไวโอเลตและวิสิเบิลสเปกโตรโฟโตมิตรี (ultraviolet and visible spectrophotometry) และไม โครดิฟฟวชั่น (microdiffusion) (ตารางที่ 1) สวนไฟฟาสายหลักไมจําเปนตองมีตลอดเวลา
การทดสอบที่จะกลาวในหนังสือเลมนี้ไมมีการใชเครื่องมือที่ซับซอน เชน gas-liquid,high- performance liquid chromatography, atomic absorption spectrophotometry หรือ immunoassays ถึงแมจะไมมีวิธีทดสอบอยางงายสําหรับทดสอบสารบางตัว เครื่องมือที่ซับซอน ดังกลาวมีความจําเพาะและความไวมากกวาวิธีงายๆ แตมีปจจัยตางๆที่ควรนํามาพิจารณากอนนํา เครื่องมือดังกลาวมาใช เชน ความชํานาญของผูใชเครื่องมือ ความบริสุทธิ์ของสารมาตรฐานและ สารเคมี เครื่องแกว และวัสดุสิ้นเปลือง เชน ตัวทําละลาย และกาซ เปนตน
นอกจากนี้แลวยังตองเตรียมงบประมาณสําหรับวัสดุสิ้นเปลืองที่จําเปนใหมีอยูตลอดเวลา (ไดแก
gas chromatographic septa, injection syringes, chromatography columns, solvent filters, chart หรือ integrator paper, recorder ink หรือ fibre-tip pens) และวัสดุเครื่องอะไหลที่ตองสํารอง (เชน detector lamps, injection loops และ column packing materials) สําหรับตัวเครื่องมือนั้นตอง มีการบํารุงรักษาอยางถูกตองตลอดเวลาโดยตัวแทนผูผลิตหรือผูจําหนาย ในประเทศกําลังพัฒนานั้น อาจจําเปนตองมีการบํารุงรักษาบอยกวาประเทศที่พัฒนาแลว จากสภาพการใชงาน (อุณหภูมิ
ความชื้นและฝุน) ซึ่งเปนปญหาคอนขางมากเมื่อเทียบกับประเทศผูผลิต
สําหรับการทดสอบยานั้น อาจใชชุดทดสอบที่มีจําหนายทั่วไป ตัวอยางเชน ระบบ TLC มาตรฐาน ที่ทําขึ้นเพื่อการทดสอบยาเบื้องตน ซึ่งมีขอดีที่เพลต (plate) ไปจุมในน้ํายาหรือไปรับสัมผัสกับสารที่ทํา ใหเกิดสี (visualization reagents) โดยไมตองพนทําใหไมจําเปนตองมีตูดูดควัน (fume cupboard หรือ hood) (ดูหัวขอที่ 4.4.4) การแปลผลทําโดยการเทียบกับหนังสือที่มีภาพสีประกอบ อยางไรก็ตาม เมื่อมีสารเคมีมากกวาหนึ่งชนิดอยูในตัวอยางการแปลผล TLC ที่ไดคอนขางยาก ยิ่งกวานั้น system ที่
มีอยูก็ยังไมรับประกันวาจะใชได
a Unpublished document WHO/LAB/87.2. Available on request from Health Laboratory Technology and Blood Safety, World Health Organization, 1211 Geneva 27, Switzerland.
ตารางที่ 1: สรุปเครื่องมือพื้นฐานที่จําเปนสําหรับการตรวจวิเคราะหทางพิษวิทยา
เครื่องชั่งสําหรับหองปฏิบัติการตองไดรับการตรวจสอบที่เชื่อถือไดและสอบเทียบสม่ําเสมอ (top-pan และ analytical) (หัวขอที่ 4.1.3)
เครื่องปนแยกชนิดตั้งโตะ (ชนิดไฟฟาหรือใชมือ) สําหรับแยกตัวอยางเลือดและการสกัดดวย ตัวทําละลาย (หัวขอที่ 4.3.2)
Vortex-mixer หรือเครื่องมือที่คลายกัน ที่เขยาดวยวิธีกลหรือใชมือเขยา เชน rotary mixer (หัวขอที่ 4.3.2)
อางน้ํารอนและ heating block (ไฟฟา) ตะเกียงแอลกอฮอลหรือตะเกียงกาซบิวเทน ตูเย็นสําหรับเก็บตัวอยางหรือสารมาตรฐาน เครื่องวัด pH
ไปเปตตอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติ ขนาดตาง ๆ (หัวขอที่ 4.1.3) กลองจุลทรรศน ชนิด polarizing กําลังต่ํา
เครื่องแกวสําหรับหองปฏิบัติการ รวมทั้งเครื่องแกวสําหรับปรับปริมาตร อุปกรณการทําความสะอาด (หัวขอที่ 4.1.5)
เครื่องผลิตน้ําบริสุทธิ์เชิงเคมี (หัวขอที่ 4.1.4) อากาศอัดหรือกาซไนโตรเจน
ทินเลเยอรโครมาโตกราฟเพลต หรือสถานที่ อุปกรณสําหรับเตรียมเพลต (หัวขอที่ 4.4.1)
สถานที่ อุปกรณสําหรับแช (developing) และดูทินเลเยอรโครมาโตแกรม รวมทั้งหลอดอัลตราไวโอเลต (254 นาโนเมตรและ 366 นาโนเมตร) และตูดูดควัน (หัวขอที่ 4.4.4)
Single-beam หรือ dual-beam ultraviolet/visible spectrophotometer และ cells ดวย (หัวขอที่
4.5.2)
Conway microdiffusion apparatus (หัวขอที่ 4.3.3) แผนกระเบื้องหลุม (Porcelain spotting tile) (หัวขอที่ 4.2) Modified Gutzeit apparatus (หัวขอที่ 6.6)
ทํานองเดียวกันชุดทดสอบที่ใชหลักการภูมิคุมกันวิเคราะห (immunoassay) ซึ่งใชไมคอยยาก แต
อาจมีปญหาในการปฏิบัติเชน การแปลผล ชุดทดสอบแบบนี้มีวัตถุประสงคแรกเพื่อติดตามการใชยา และการใชยาในทางที่ผิด จึงมีขอจํากัดเมื่อนํามาใชทางพิษวิทยาคลินิก
1.2 สารอางอิงและสารเคมี
รายชื่อสารอางอิงและสารเคมีที่จําเปนสําหรับพิษวิทยาวิเคราะหขั้นพื้นฐานมีอยูในภาคผนวก 1 เมื่อตองการผลการทดลองที่เชื่อถือได ตองมีสารเคมีที่คอนขางบริสุทธิ์สําหรับเปนสารอางอิงมาตรฐาน แตไมจําเปนตองใชสารอางอิงที่มีความบริสุทธิ์มากๆ และราคาแพงมากอยางที่ใชในการควบคุมคุม ภาพของอุตสาหกรรมการผลิตยา ยาบางชนิดเชนบารบิทาล (barbital) คาเฟอีน (caffeine) กรดซาลิไซ ลิก (salicylic acid) สารอนินทรีย สารอินทรียและตัวทําละลาย ซึ่งเปนสารเคมีในหองปฏิบัติการและมี
ความบริสุทธิ์ในระดับหนึ่งที่พอใชเปนสารมาตรฐาน หาซื้อไดไมยาก ยาควบคุมและเมทาบอไลต
(metabolite) บางตัวปริมาณเล็กนอยอาจไดจาก Narcotics Laboratory Section, United Nations Vienna International Centre, P.O. Box 500, A-1400 Vienna, Austria
ถึงแมเปนการยากที่จะมียา สารกําจัดศัตรูพืชและสัตวและเมทาบอไลตของสารดังกลาวที่บริสุทธิ์
แมในปริมาณเล็กนอย (100 มิลลิกรัม - 1 กรัม) ก็ตาม หองปฏิบัติการควรจัดหา รวบรวมไวเปนสาร อางอิง (ดูภาคผนวก 1) โดยไมตองรอจนมีผูปวยจากสารพิษกอน สารอางอิงดังกลาวเปนสิ่งที่มีคา ควรเก็บรักษาในสภาพที่เหมาะสม เพื่อรักษาความเสถียร ปองกันการสูญหาย ความปลอดภัยของสาร เหลานั้นดวย ถาไมสามารถหาสารที่บริสุทธิ์ได อาจใชสารที่ใชในอุตสาหกรรมยาหรืออุตสาหกรรมอื่น สกัดแยกเอาสารที่สนใจออกมาดวยตัวทําละลาย และอยางนอยทําใหบริสุทธิ์เพียงพอสําหรับการตรวจ วิเคราะหเชิงคุณภาพ (ดูหัวขอที่ 4.1.2)
ถึงแมเครื่องมือที่ตองการเพื่อใชในการทดสอบตางๆ ที่อธิบายในหนังสือเลมนี้จะคอนขางงายก็
ตาม แตก็มีสารบางชนิดที่ไมคอยพบใชบอยในหองปฏิบัติการแตจําเปนตองมีสําหรับการทดสอบ ดังกลาว ดังนั้นควรตรวจความเสถียรของสารเหลานี้ดวย และควรปฏิบัติตามขอควรระวังที่กลาวไวดวย
บทที่ 2
พิษวิทยาวิเคราะหทางคลินิก
นักพิษวิทยาวิเคราะหที่ไดรับการอบรมมีสวนสําคัญในการรักษาผูปวยเนื่องจากพิษของยาหรือ สารเคมี ความรูในงานตรวจวิเคราะหจะเปนประโยชนเมื่อนักวิเคราะหมีความเขาใจในการวินิจฉัยและ การรักษาผูปวย ดังนั้นนักวิเคราะหจําเปนตองมีความรูเบื้องตนของเวชศาสตรฉุกเฉิน และ intensive care รวมทั้งการสื่อสารกับแพทย ตลอดจนความรูทางดานเภสัชวิทยา พิษวิทยา และวิธีการเรงการ กําจัดสารพิษออกจากรางกายและการใชสารแกพิษ (antidote) บทนี้ใหขอมูลพื้นฐานที่จําเปน 2.1 การวินิจฉัยการเกิดพิษเฉียบพลัน
2.1.1 การวินิจฉัย
เมื่อสงสัยวาเกิดพิษแบบเฉียบพลัน แพทยจําเปนตองถามหลายคําถามเพื่อประกอบการวินิจฉัย กรณีที่ผูปวยหมดสติ สถานที่เกิดเหตุและขวดยาหรือภาชนะบรรจุอื่นหรือวัตถุอื่นที่พบในที่เกิดเหตุเปน สิ่งสําคัญตอการวินิจฉัย กรณีที่ผูปวยรูสึกตัว แพทยจะถามคําถามเกี่ยวกับสิ่งที่สงสัยวาเปนสารพิษที่
อาจมีอยูในบานหรือที่ทํางาน รวมทั้งสถานที่เกิดเหตุ ประวัติการรักษา (รวมทั้งการใชยาของผูปวย อาการปวยทางจิต) อาชีพและงานอดิเรก ซึ่งอาจชี้นําถึงสารพิษที่ไดรับ
การตรวจรางกายผูปวย อาจบอกถึงชนิดของสารพิษที่ไดรับ อาการทางคลินิกของสารพิษแตละ ชนิดที่พบบอยมีอยูในตารางที่ 2 ตัวอยางเชน การมีรูมานตาเทารูเข็ม (pin-point pupil) ภาวะหลั่ง น้ําลายมาก(hypersalivation) กลั้นปสสาวะไมได(incontinence) และการกดการหายใจ(respiratory depression) รวมกัน อาจเนื่องจากการไดรับสารพิษที่เปนตัวยับยั้งโคลีนเอสเตอเรส (cholinesterase inhibitor) เชน สารกําจัดศัตรูพืชและสัตวกลุมออรกาโนฟอสเฟต (organophosphate) ในบางกรณี
แนวปฏิบัติเชนนี้อาจมีขอจํากัดได ถาไดรับสารพิษหลายชนิด และสารพิษแตละชนิดมีกลไกการออก ฤทธิ์ตางกัน บางครั้งยาหลายชนิดมีผลตอรางกายอยางเดียวกันและบางครั้งอาการทางคลินิกที่พบเปน ผลตอเนื่องจากผลอื่น (secondary effects) เชน ภาวะขาดออกซิเจน (anoxia) ดังนั้น ถาผูปวยมาพบ แพทยดวยอาการการหายใจถูกกด และรูมานตาเทารูเข็ม มีความเปนไปไดมากวาผูปวยไดรับสาร จําพวกฝน เชน เดกซโตรโพรพอกซิพีน (dextropropoxyphene) หรือมอรฟน (morphine) แตถารูมาน ตาขยาย อาจเปนยานอนหลับกลุมอื่นเชน กลูเททิไมด (glutethimide) หรือสมองถูกทําลายอาจ เนื่องมาจากเลือดมีออกซิเจนนอยจากการหายใจถูกกด
ตารางที่ 2 พิษเฉียบพลัน : อาการทางคลินิกเนื่องมาจากการไดรับสารพิษ
อาการทางคลินิก ชนิดของสารพิษ ระบบประสาทสวนกลาง
ภาวะกลามเนื้อเสียสหการ Bromides, carbamazepine, ethanol, hypnotics/sedatives,
phenytoin, thallium
โคมา Alcohols, hypnotics/sedatives, opioids, tranquillizers, many other compounds
ชัก Amitriptyline and other tricyclic antidepressants, orphenadrine, strychnine, theophylline ระบบทางเดินหายใจ
กดการหายใจ Alcohols, hypnotics/sedatives, opioids, tranquillizers, many other compounds
ปอดบวมน้ํา Acetylsalicylic acid, chlorophenoxy herbicides, irritant (non-cardiogenic) gases, opioids, organic solvents, paraquat
อาการหายใจเร็วแรง Acetylsalicylic acid, ethylene glycol, hydroxybenzonitrile herbicides, isoniazid, methanol, pentachlorophenol หัวใจและการไหลเวียนเลือด
หัวใจเตนเร็ว Anticholinergics, sympathomimetics หัวใจเตนชา Cholinergics, β-blockers, digoxin, opioids ความดันเลือดสูง Anticholinergics, sympathomimetics
ความดันเลือดต่ํา Ethanol, hypnotics/sedatives, opioids, tranquillizers, many other compounds
หัวใจเตนไมเปนจังหวะ β-blockers, chloroquine, cyanide, digoxin,
phenothiazines, quinidine, theophylline, tricyclic
antidepressants
ตา
มานตาหรี่ Carbamate pesticides, opioids, organophosphorus pesticides, phencyclidine, phenothiazines
มานตาขยาย Amfetamine, atropine, cocaine, tricyclic antidepressants
ตารางที่ 2 (ตอ)
อาการทางคลินิก ชนิดของสารพิษ
อาการตากระตุก Carbamazepine, ethanol, phenytoin อุณหภูมิรางกาย
ตัวรอนเกิน Acetylsalicylic acid, dinitrophenol pesticides,
hydroxybenzonitrile herbicides, pentachlorophenol, procainamide, quinidine
ตัวเย็นเกิน Carbon monoxide, ethanol, hypnotics/sedatives, opioids, phenothiazines, tricyclic antidepressants
ผิวหนัง ผม และเล็บ
สิว Bromides, organochlorine pesticides
ผมรวง Thallium
ระบบทางเดินอาหาร
น้ําลายมาก Cholinesterase inhibitors, strychnine ปากแหง Atropine, opioids, phenothiazines, tricyclic
antidepressants ทองผูก Lead, opioids, thallium
ทองรวง Arsenic, cholinesterase inhibitors, laxatives
เลือดไหลในกระเพาะ Acetylsalicylic acid, caustic compounds (strong acids/
อาหาร/ลําไส bases), coumarin anticoagulants, indometacin ตับถูกทําลาย Amanita toxins, carbon tetrachloride, paracetamol,
phosphorus (white) ระบบทางเดินปสสาวะ
ปสสาวะคั่ง Atropine, opioids, tricyclic antidepressants
กลั้นปสสาวะไมอยู Carbamate pesticides, organophosphorus pesticides ไตวาย Amanita toxins, cadmium, carbon tetrachloride,ethylene
glycol, mercury, paracetamol
การวินิจฉัยผูปวยตองพิจารณาประเด็นอื่นดวยนอกจากการไดรับสารพิษ เชน โคมา อาจเกิดขึ้น จากหลายสาเหตุนอกจากการไดรับสารพิษเชนไดรับอุบัติเหตุเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง
(cerebrovascular) หรือโรคเบาหวานที่ควบคุมไมได กรณีเหลานี้ชี้ใหเห็นถึงความสําคัญของการ เรงดวนผลวิเคราะหทางชีวเคมีและทางโลหิตวิทยา (ดูบทที่ 3) ในที่สุดคือความเปนพิษจากสารพิษบาง ชนิดอาจวินิจฉัยผิดไดโดยเฉพาะเมื่อผูปวยอยูในภาวะอาการระยะทาย ๆ เชน ภาวะหัวใจหายใจหยุด (cardiorespiratory arrest) เนื่องจากไซยาไนด ภาวะตับอับเสบเนื่องจาก คารบอนเตตราคลอไรด
และพาราเซตามอล เบาหวานเนื่องจากน้ําตาลในเลือดต่ํา รวมทั้งเด็กเล็กที่ไดรับแอลกอฮอล ความรูสึก สัมผัสเพี้ยน (paraesthesia) เนื่องจากแทลเลียม (thallium) ปอดอักเสบที่ลุกลาม (progressive pneumonitis) เนื่องจากพาราควอทและไตวายเนื่องจากเอทิลีนไกลคอล (ethylene glycol)
2.1.2 จําแนกระดับของโคมา
การสูญเสียการรับรู (โคมา) เปนอาการที่พบไดบอยเมื่อเกิดอาการพิษแบบเฉียบพลัน โดยเฉพาะ อยางยิ่งถาไดรับสาร(ยา)ที่กดระบบประสาทสวนกลาง การจําแนกระดับของโคมาทําไดโดยใชสเกลของ Edinburgh (ดูตารางที่ 3) การจําแนกระดับของโคมามีขอดีที่เปนประโยชนใชอธิบายเพื่อความเขาใจ ตรงกันระหวางเจาหนาที่หองปฏิบัติการและหนวยขอมูลการไดรับสารพิษเพื่อคําแนะนํา
ตารางที่ 3 ระดับความรุนแรงของโคมาตาม Edinburgh Scale
ระดับของโคมา อาการทางคลินิก
1 ผูปวยงวงนอน แตตอบสนองตอคําสั่ง
2 ผูปวยไมรูสึกตัว แตตอบสนองตอการกระตุนเพียงเล็กนอย เชน การเขยา และตะโกน
3 ผูปวยไมรูสึกตัว และตอบสนองเฉพาะสิ่งกระตุนที่ทําใหเจ็บปวด เชน การถู
นวดกระดูกอก
4 ผูปวยไมรูสึกตัว และไมตอบสนองการกระตุนใดๆ ทั้งสิ้น
2.2 การรักษาอาการพิษเฉียบพลัน 2.2.1 การปฏิบัติทั่วไป
เมื่อสงสัยวาเปนพิษแบบเฉียบพลัน ควรรักษาตามอาการและพยุงอาการโดยไมตองรอผลการ ตรวจจากหองปฏิบัติการ ถาผูปวยไดรับสารพิษจากการหายใจควรเคลื่อนยายผูปวยออกจากสถานที่
เกิดเหตุ ถาผูปวยไดรับสารพิษทางผิวหนังควรถอดเสื้อผาที่ปนเปอนสารพิษและลางผิวหนังดวย ของเหลวที่เหมาะสมซึ่งโดยมากก็คือน้ํา ถาผูปวยที่เปนผูใหญเต็มวัยไดรับสารพิษโดยการกิน ควรดูด
ออกและลางทองเพื่อลดการดูดซึมสารพิษ สําหรับผูปวยเด็กอาจใหยาน้ําไอพีคาคูนา (ipecacuanha (ipecac) syrup) เพื่อใหอาเจียน หลังจากลางทองแลวควรใหถานกัมมันต (activated charcoal) ใน ขนาดมากพอไวในกระเพาะ ชวยลดการดูดซึมสารที่เหลือในกระเพาะอาหาร มีการศึกษาวาการลาง ทองและการทําใหอาเจียนเพื่อปองกันการดูดซึมใหผลดีพอๆ กับการใหถานกัมมันตเพียงหนึ่งครั้งหรือไม
พบวาการใหถานกัมมันตมากกวาหนึ่งครั้งชวยเรงการกําจัดสารพิษบางชนิดไดดี แตไมควรใหถานกัม มันตทางปากหลังจากใหสารปองกันไปแลว เชนเมื่อใหเมไทโอนีน (methionine) หลังจากการไดรับยา พาราเซตามอลเกินขนาด
หลังจากนั้นแลว การดูแลแบบพยุงอาการเพียงอยางเดียวผูปวยสวนมากสามารถกลับเปนปกติได
ในรายที่เกิดอาการพิษรุนแรง ซึ่งรวมถึงการไดรับยากันชักทางหลอดเลือดดําเชน ไดอะซีแพม (diazepam) (ดู benzodiazepines) หรือโคลเมไทอะโซล (clomethiazole) หรือยาตานภาวะหัว ใจเตนเสียจังหวะ (antiarrhythmics) เชน ลิโดเคน (lidocaine) ยาเหลานี้มักตรวจพบไดเมื่อมีการ วิเคราะหทางพิษวิทยา ลิโดเคนใชเปนยาชาเฉพาะที่ และมักพบในปสสาวะซึ่งเปนผลมาจากการใชยา ระหวางสวนทอปสสาวะ ยาหรือสารเคมีอื่นที่ใชขณะทําการตรวจรักษา เชน การเจาะไขสันหลัง (lumbar puncture)
บางครั้งอาจตองใหการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงเชน การใหสารแกพิษและการเรงกําจัดสารพิษ บางกรณีอาจรักษาไดหลังจากไดรับผลการตรวจวิเคราะหทางพิษวิทยาหรือทราบชนิดของสารพิษมา กอน เพราะมีความเสี่ยงจากการรักษาดังกลาว โดยทั่วไปการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงนี้จะทําเมื่อทราบ ชนิดและ/หรือปริมาณสารพิษแลว
2.2.2 สารแกพิษ หรือสารปองกัน
สารพิษบางชนิดเทานั้นที่มีสารแกพิษหรือสารปองกันสารพิษ (ดูตารางที่ 4) มีการถกเถียงกัน มากในการใชสารแกพิษหรือสารปองกันสารพิษ เชน การใชสารแกพิษหรือสารปองกันสารพิษ เนื่องจากการไดรับไซยาไนด เพราะสารแกพิษหรือสารปองกันสารพิษเองก็มีความเปนพิษอยูในตัวเอง ซึ่งตองใชดวยความระมัดระวัง การที่ผูปวยไมตอบสนองตอการไดรับสารแกพิษชนิดใดชนิดหนึ่ง ไมได
หมายความวาผูปวยไมไดรับสารพิษกลุมนั้น ตัวอยางเชนนาลอกโซน (naloxone) ซึ่งเปนสารตานโอป
ออยด (opioid) เชน มอรฟนและโคเดอีน จะทําใหฟนจากโคมาอยางสมบูรณและรวดเร็ว ยกเวนเมื่อใช
กับผูติดยาเสพติดจะทําใหเกิดอาการถอนยาเฉียบพลัน ถาไดรับนาลอกโซนแลวไมมีการตอบสนอง ไมไดหมายความวาไมรับสารประเภทฝน แตอาจเปนไปไดวายาประเภทอื่นที่ไมใชฝน (non-opioid) เปนสาเหตุของโคมา หรือไดรับนาลอกโซนนอยเกินไป หรือสมองถูกทําลายเพราะเลือดมีออกซิเจนนอย จากระบบหัวใจหายใจหรือระบบหายใจหยุด
2.2.3 การรักษาแบบเรงกําจัดสารพิษ
วิธีการเรงการกําจัดสารพิษออกจากระบบไหลเวียนของรางกายมี 4 วิธีคือ (ก) การให
รับประทานถานกัมมันตซ้ํา ๆ (ข) เรงการขับปสสาวะโดยการเปลี่ยนแปลงความเปนกรดเบสของ ปสสาวะ (ค) การชําระเลือดผานเยื่อบุชองทอง (peritoneal dialysis) การชําระเลือดผานเยื่อบุไตเทียม (haemodialysis) และ (ง) ฮีโมเพอรฟวชั่น (haemoperfusion)
การเรงกําจัดสารตางๆ ออกจากระบบไหลเวียน เชน สารจําพวกบารบิทูเลต (barbiturates) คาร
บามาซีพีน (carbamazepine) ควินิน (quinine) และทีโอฟลลีน (theophylline) (และอาจมีกลุมกรด ซาลิไซลิกและอนุพันธ) โดยการใหถานกัมมันตทางปาก ทุกๆ 4-6 ชั่วโมงจนกระทั่งอาการทางคลินิกดี
ขึ้น และอาจใหยาถายรวมดวย เพื่อลดระยะเวลาการขับสารออกจากทางเดินอาหารซึ่งจะลดการดูดซึม สารพิษกลับเขาไปอีก วิธีนี้มีขอดีที่ไมเจ็บปวด (noninvasive) แตไดผลนอยลงสําหรับผูปวยที่ลําไสอืด เปนอัมพาต (paralytic ileus) เนื่องจากการกินสารบางชนิด เชน ฟโนบารบิทาล ผูปวยที่ไมมีรีเฟล็กซ
ขยอน (gag reflex) หรือผูปวยที่ไมคอยรูสึกตัวควรระมัดระวังการสําลักเขาปอด
ตารางที่ 4 สารแกพิษ หรือสารปองกันสารพิษ ที่ใชในการรักษาความเปนพิษเฉียบพลันa
สารแกพิษ สารพิษ
Acetylcysteine Paracetamol
Atropine Carbamate pesticides, organophosphorus pesticides
Deferoxamine Aluminium, iron
DMSAb Antimony, arsenic, bismuth, cadmium, lead, mercury DMPSc Copper, lead, mercury (elemental and inorganic)
Ethanol Ethylene glycol, methanol Antigen-binding (Fab) Digoxin
antibody fragments
Flumazenil Benzodiazepines Methionine Paracetamol
Methylene blue Oxidizing agents (chlorates, nitrites, etc.) Naloxone Opioids (codeine, pethidine, morphine, etc.)
Obidoxime chloride Organophosphorus pesticides (contraindicated with (or pralidoxime iodide) carbamate pesticides)
ตารางที่ 4 (ตอ)
สารแกพิษ สารพิษ
Oxygen Carbon monoxide, cyanide
Physostigmine Atropine
Phytomenadione Coumarin anticoagulants, indanedione anticoagulants
(vitamin K1)
Potassium Theophylline, barium
Protamine sulfate Heparin
Prussian blued Thallium
Pyridoxine (vitamin B6) Isoniazid Sodium calcium edetate Lead, zinc
a = Information on specific antidotes is given in the IPCS/CES Evaluation of Antidotes Series; see Bibliography, p. 260
b = Dimercaptosuccinic acid c = Dimercaptopropanesulfonate d = Potassium ferrihexacyanoferrate
วัตถุประสงคของการขับปสสาวะคือเรงการกําจัดสารพิษออกทางปสสาวะ โดยการเพิ่มปริมาณ ปสสาวะตอครั้ง ซึ่งทําโดยการใหของเหลวที่เหมาะสมทางหลอดเลือดดํา ปจจุบันการขับปสสาวะมักทํา ควบคูกับการเปลี่ยนแปลง pH ของปสสาวะ การกําจัดทางไตของสารที่มีความเปนกรดออน เชน สาร กําจัดวัชพืชคลอโรฟนอกซี (chlorophenoxy) และกลุมซาลิไซเลตอาจทําใหเพิ่มขึ้นไดโดยการให
โซเดียมไบคารบอเนตทางหลอดเลือดดํา วิธีนี้ยังชวยปองกันไมใหเกิดความเปนพิษทั้งระบบดวยโดย แยกเอาสารพิษมาอยูในสวนที่เปนของเหลวเชน เลือด การทําใหรางกายมีความเปนดางมีประสิทธิภาพ เทาเทียมกับการเรงขับปสสาวะที่ทําใหเปนดางพรอมกัน และยังมีขอดีกวาที่ลดความเสี่ยงตออาการ แทรกซอนจากการมีของเหลวมากเกินไป เชนรบกวนสมดุลของเกลือแร สมองหรือปอดบวมน้ํา (pulmonary oedema) อยางไรก็ตาม คา pK ของสารพิษควรเหมาะสมตอการกําจัดออกทางไตโดย การเปลี่ยนแปลง pH ของปสสาวะในชวงสรีรวิทยาปกติเทานั้น ควรมีการตรวจติดตาม pH ของ ปสสาวะเพื่อใหแนใจวาถึงคาที่ตองการ ถึงแมเคยคิดวาการทําใหปสสาวะเปนกรดเรงการขับสารที่เปน
การแยกสารผานเยื่อ (dialysis) และฮีโมเพอรฟวชั่น เปนการแยกเอาสารออกจากระบบไหลเวียน โดยตรง ในการชําระเลือดผานเยื่อ ใหเลือดผานเยื่อซึ่งสัมผัสกับสวนที่เปนของเหลวในไตเทียม ขณะที่
การแยกสารผานเยื่อทางหนาทองใชวิธีซึมซาบ (infuse) ของเหลวที่เหมาะสมเขาไปในชองทอง หลังจาก นั้น 2-4 ชั่วโมง จึงระบายของเหลวนั้นออก ในการทําฮีโมเพอรฟวชั่น เลือดถูกสูบผานวัสดุดูดซับ (เคลือบ ดวยถานกัมมันตหรือเรซินชนิดแอมเบอรไลท เอกซเอดี-4 (amberlite XAD-4) การชําระเลือดผานเยื่อ นิยมใชเมื่อสารที่ตองการแยกละลายไดในน้ํา เชน เอทานอล และฮีโมเพอรฟวชั่นนิยมใชกับสารที่ละลาย ไดดีในไขมันเชน บารบิทูเรตกลุมที่ออกฤทธิ์สั้น ซึ่งมีสัมพรรคภาพดีกับถานกัมมันต หรือเรซินชนิดแอม เบอรไลท เอกซเอดี-4 การตัดสินใจเลือกใชวิธีใดควรขึ้นอยูกับสภาวะทางคลินิกของผูปวย ลักษณะ สมบัติและความเขมขนของสารพิษในพลาสมา ทั้งการชําระเลือดผานเยื่อและฮีโมเพอรฟวชั่นใหผลดี
เฉพาะเมื่อสารพิษมีปริมาตรการกระจายนอย เชนปริมาตรการกระจายสัมพัทธนอยกวา 5 ลิตร/กิโลกรัม 2.3 บทบาทของหองปฏิบัติการพิษวิทยาคลินิก
ผูปวยที่ไดรับสารพิษสวนมากจะไดรับการรักษาอยางถูกตองเพียงอาศัยผลปฏิบัติการทางชีวเคมี
คลินิกและโลหิตวิทยา กรณีเหลานี้เปนจริงโดยเฉพาะเมื่อไมมีขอสงสัยที่เกี่ยวกับสารพิษและผลการ วิเคราะหเชิงปริมาณไมมีผลตอการรักษา งานตรวจวิเคราะหทางพิษวิทยามีประโยชนในกรณีที่ไม
สามารถวินิจฉัยไดวาอาการเปนพิษเกิดจากสารชนิดใดและตองการใหสารแกพิษ หรือสารปองกันหรือ รักษาโดยการเรงการกําจัด นักวิเคราะหที่เกี่ยวของกับการไดรับสารพิษแบงงานวิเคราะหออกเปนสวนๆ ไดเปนขั้นกอนการวิเคราะห ขั้นการวิเคราะหและขั้นหลังการวิเคราะห (ดูตารางที่ 5)
ตารางที่ 5 ขั้นตอนในการสอบสวนทางพิษวิทยาวิเคราะห
ขั้นตอนที่ การดําเนินการ ขั้นกอนการวิเคราะห
1 จัดการใหไดรายละเอียดของการรับรักษา รวมทั้งหลักฐานแวดลอมของการเกิดพิษ และผลทาง ชีวเคมีและโลหิตวิทยา (ดู บทที่ 3)
2 จัดการใหไดประวัติทางการแพทยของผูปวย และถาทําไดควรทําใหแนใจวาไดรับ ตัวอยางที่เหมาะสมสําหรับตรวจวิเคราะห และจัดลําดับความสําคัญการตรวจ วิเคราะห
ขั้นวิเคราะห
3 ตรวจวิเคราะหตามที่ตกลงกันแลว
ขั้นหลังการวิเคราะห
4 แปลผลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแพทยผูรักษาผูปวย
5 ตรวจวิเคราะหเพิ่มเติมโดยใชตัวอยางเดิมหรือตัวอยางใหมถาจําเปน
ตารางที่ 6 การแปลผลของการตรวจวิเคราะหทางพิษวิทยาฉุกเฉิน
สารพิษ ความเขมขนที่ทําใหเกิดพิษรายแรง a การรักษา 1. การรักษาเชิงปองกัน
Paracetamol 200 มิลลิกรัม/ลิตร หลังจากกิน
แลว 4 ชั่วโมง อะซิทิลซีสเทอีนหรือเมไทโอนีน 30 มิลลิกรัม/ลิตร หลังจากกิน
แลว 15 ชั่วโมง
Methanol 0.5 กรัม/ลิตร เอทานอล
Ethylene glycol 0.5 กรัม/ลิตร
Thallium 0.2 มิลลิกรัม/ลิตร (ปสสาวะ) Prussian blueb 2. การรักษาโดยวิธีคีเลชั่น
Iron 5 มิลลิกรัม/ลิตร (ซีรัม) ดีเฟอโรซามีน
Aluminium 50-250 ไมโครกรัม/ลิตร (ซีรัม)
lead 1 มิลลิกรัม/ลิตร (whole blood ผูใหญ) DMSAc/ DMPSd/
Sodium calcium edetate
Cadmium 20 ไมโครกรัม/ลิตร (whole blood) DMSA
Mercury 100 ไมโครกรัม/ลิตร (whole blood) DMSA/DMPS
Arsenic 200 ไมโครกรัม/ลิตร (whole blood) DMSA
3. การรักษาโดยการเรงการกําจัด Acetylsalicylic acid 900 มิลลิกรัม/ลิตร
(as salicylate) หลังจากกินแลว 6 ชั่วโมง หรือ
450 มิลลิกรัม/ลิตร
หลังจากกินแลว 24 ชั่วโมง ขับปสสาวะในสภาพที่เปน
Phenobarbital 200 มิลลิกรัม/ลิตร ดาง
Barbital 300 มิลลิกรัม/ลิตร Chlorophenoxy 500 มิลลิกรัม/ลิตร herbicides